เลข 19 น่าจะทำให้ทีมฟุตบอลที่เคยข่มใครต่อใครในพรีเมียร์ ลีก ว่า “ตูเป็นทีมที่ครองถ้วยลีกมาที่สุดเว่ย” ได้สงบวาจาได้ไม่มากก็น้อย
ผมอยากจะสำรอกออกมาด้วยคำที่ว่า “พวกแกไม่ใช่อภิมหาลูกหนังในลีกผู้ดีแล้วโว้ย!!!!!!!!!”
การเดินทางของเรามันใกล้เข้าเส้นชัยทีละน้อยๆ ครับ เราปล่อยให้ทีมที่คุณก็รู้ว่าใครได้เสพย์สุขกับความสำเร็จ และข่มขวัญเรามาตลอด
ขณะที่ผมไปนั่งร้านอาหาร เดินเข้าร้านหนังสือ ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือแม้กระทั่งไปเล่นฟุตบอลกับคนในหมู่บ้าน ผมจะต้องได้ยินแฟนฟุตบอลทีมที่คุณก็รู้ว่าใครพูดคุยกันอย่างเมามัน และถูกปากถูกคอเหมือนกับพวกเขาเป็นคู่รักมาแต่ชาติปางก่อน
เขามักจะพูดถึงให้หูของผมได้ยินเกี่ยวกับการได้เป็นที่หนึ่งของฟุตบอลถ้วยนู้นถ้วยนี้ แสดงแสนยานุภาพว่าทีมของเราสุดยอดไม่มีใครมาเทียบเทียมพวกเขาได้
ขณะที่ผมไปเล่นฟุตบอลที่สนามของหมู่บ้าน วันไหนที่ทีมผมแพ้ ผมจอดรถมอเตอร์ไซค์ปุ๊บ ยังไม่ทันจะลงรถเลยครับ มาเต็มๆ เลย “เฮ่ย ทีมแกแพ้ว่ะ” ของขึ้นครับ ของขึ้น แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่โต้เถียงใครซักเท่าไหร่ ผมก็เลยเหน็บนิดๆ หน่อยๆ ไปว่า “อีก 2 ปีทีมผมก็ได้ถ้วยแซงหน้าพี่แล้วนะ สิ้นปี 90 พี่ยังไม่ได้ถ้วยลีกเลยนะ”
เงียบเลยครับ เพราะทีมผมแพ้ทีมเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตัดสินแชมป์ในนัดเดียว แต่การได้แชมป์นี่สิน่าจะภูมิใจกว่ากันเยอะ แถมอีกอย่าง ทีมผมชนะเขามาติดๆ กันหลายปี ยังไม่พูดให้เจ็บช้ำน้ำใจเลยครับ แค่บอกว่า “รู้นะว่าเธอเจ็บ” แค่นั้นเอง (ขอขอบคุณ บอ.บู๋ ครับที่อำนวยความสะดวกด้านการให้คำจำกัดความคำนี้)
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ความรู้สึกของแฟนฟุตบอลทีมที่คุณก็รู้ว่าใครเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าหลายๆ คนจะนึกถึงบ้างรึเปล่าว่าทีมของผมได้ถ้วยมาแล้ว 17 ครั้ง ซึ่งตามหลังทีมของเขาแค่ครั้งเดียว ซึ่งมันก็จะเป็นความจริงอยู่หลายเปอร์เซ็นต์ ก็เลยจั่วหัวด้วยการใช้สูตรที่ไม่ใช่สูตรบำรุงดอก ผล แต่เป็นสูตรการเดินทางของทีมของผม ไม่สิ ต้องเป็นทีมของเราจะมากกว่า เพื่อเป็นการเตือนทีมที่คุณก็รู้ว่าใครให้รู้ว่า “เราจะเอาสามง่ามแทงก้นตูมๆ ของพวกท่านแล้ว ระวังก้นท่านให้ดี”
แต่ใช่ว่าการจะได้มาซึ่งถ้วยแชมป์ลีกจะโรยด้วยกลีบกุหลาบครับ มันเป็นกุหลาบที่มีหนามยาว แถมต้นก็ดันอยู่บนยอดเขาสูงชันเสียด้วย ต้องแข่งขันแย่งชิงกันยาวนาน แล้วแต่ละทีมก็ต้องมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป
สำหรับทีมของเราแล้ว เราต้องต่อสู่เพื่อแย่งชิงเอาดอกกุหลาบนี้จากยอดเขาเพียงอย่างเดียวไม่ แต่เรายังมีอีกหลายหน้าที่ ก็คือการไปเด็ดดอกบัวพันปี(F.A. Cup) มาอยู่ในอ้อมกอดของเรา เพื่อหนีการไล่ล่าของ “เจ๊ย่น”
แล้วแถมมีการให้ทีมเราพิสูจน์ว่าเราแน่จริงรึเปล่า เมื่อเราต้องไปป้องกันอาณาจักรที่เราได้มาเมื่อปีที่แล้วที่มอสโคว์ แต่ปีนี้เราต้องเดินทางไกลไปป้องกันที่โรม ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก แต่ไม่น่าเกินความสามารถของเหล่านักรบผู้ที่ไม่เคยยอมตาย
ปีนี้จึงเป็นอีกปีหนึ่งที่เหล่านักรบหน้าเก่า และหน้าใหม่ต้องมาทำแบบทดสอบบนสนามหญ้าว่าพวกเขาจะเดินทางไปเรื่อยๆ จนไปถึงจุดหมายหรือไม่? สิ่งที่ผม และคุณๆ ทำได้คือการให้กำลังใจ และตะโกนกู่ก้องร้องคำรามออกไปว่า “พวกเราจะสู้ สู้เพื่อสปาตัน เราจะเดินไปด้วยกัน คุณจะไม่เดินเดียวดาย
” (เอ…..ผิดเพลงนี่หว่า OOPS!)
มาพูดถึงคู่ต่อสู้ของทีมเราในปีนี้กันดีกว่าครับ คงหนีไม่พ้น Big 4 อย่างของแท้แน่นอน แต่ละทีมก็ต่างงัดฟอร์มอันเร่าร้อนออกมาให้คู่ต่อสู้ได้ร้อนๆ หนาวๆ กันไป
ไล่เรียงกันตามตัวอักษรก็แล้วกันครับ เพราะไม่อยากจัดอันดับ เพราะตอนนี้วัดอะไรกันไม่ได้
ทีมแรกเป็นทีมของ “เจ๊ย่น” ที่สุดสัปดาห์ที่แล้วโดนเสือตบปากกระบอกแตกไปอย่างพลิกความคาดหมาย และปากกาเซียนหักกันไปหลายด้าม ต้องวิ่งแจ้นหาปากกาด้ามใหม่มาใช้แทน
ถามถึงศักยภาพทีมของเจ๊แกในตอนนี้แล้วล่ะก็ เด็กปั้นของแกจะดูดีมั้กๆ ยังคงระบบการเล่นคลาสสิกเหมือนเดิมตามแบบฉบับ เกมรุกอันน่าเร้าใจ การเติบโตของนักเตะหลายๆ คน และความใจกล้าของดาวรุ่ง ทำให้ทีมเจ๊ย่น มีการพังประตูได้เยอะ เสียประตูน้อย
แต่มีสิ่งที่ทำให้ผมเสียความรู้สึกอยู่เนืองๆ ก็เกิดจากการที่ ผู้เล่นของทีมเราดันย้ายก้น และตัวเองไปอยู่ที่ Emirates stadium อย่างหน้าตาเฉย “มิกาเอล ซิลแวสตร์” แทนที่จะไปทีมอื่น ดันเลือกไปอยู่ทีมที่เป็นคูแข่งซะงั้น
สงสัยมันคงอยากจะลองว่า “ถ้าไม่มีกูแล้วมันจะได้แชมป์มั้ย?” แต่ถึงจะมีหรือไม่มี มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ แถมยังดูดเงินสโมสรมาใช้อีกต่างหาก ไปน่ะครับ ดีที่สุดแล้ว
ผู้ท้าชิงที่สมน้ำสมเนื้อกับทีมของเราต่อมา คือทีมของ “น้าสาคู” ครับ
ไม่ต้องสาธยายแต่อย่างใดถึงพละกำลัง ความดุดัน การทำประตู และเกมรับอันเหนียวแน่น เป็นเครื่องการันตีทีมนี้อย่างชัดเจนครับ ตัวเก่าๆ ที่มีอยู่ ก็ดีพอที่จะทำให้น้าสาคู ไม่จำเป็นต้องหาตัวใหม่ๆ มาใช้งาน แต่น่าจะมีปัญหาเวลาจัดตัวผู้เล่นลงสนามว่าจะเอาใครลงดี คนนั้นก็ดี คนนี้ก็ยอด โอ๊ย!!! น้าอยากตาย…..
เท่าที่ผมมองทีมน้าสาคูนะครับ ทีมของน้าแกมีจุดเด่นตรงแบ๊คครับ ทั้ง Ashley Cole และ Jose Bosinwa สามารถทำเกมรุกให้กับทีมได้อย่างสุดโต่ง กองหลังทีมแกก็กระดูกเหล็กเหลือเกิน มันเจ็บแป๊บเดียว มันลงสนามมาได้อีก อึดจริงๆ
กองกลางก็ยิ่งแล้วเลยครับ ตัวรุก ตัวรับ ครบเครื่องเทศ ร้อนแรงทุกองศา ปีกซ้าย ปีกขวา เร็วยังกับจรวดติดไอพ่น
กองหน้าหรือครับ? Didier Drogba เป็นคำตอบให้กับคุณๆ ทั้งหลายได้พิสูจน์ครับ ว่าทำไมทีมน้าสาคูถึงยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แหมะ ของเขาดีจริงๆ
แต่มีสิ่งที่ผมอดหัวเราะไม่ได้เกี่ยวกับนักเตะของน้าแกครับ “เจ้าชายสามรอง” ใช่เลยครับ
Michael Balllack ครับ ตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้กับทีมน้าสาคู ปีที่แล้วเป็นปีที่น่าเสียใจกับแกที่สุดครับ แทนที่จะได้ 4 ถ้วย กลับหายไปทีละถ้วยๆ แถมเป็นรองแชมป์ถึง 3 ถ้วย เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่าการได้ถ้วยหนึ่งถ้วยนะครับควรจะภูมิใจ
ทีมต่อไปครับ เป็นศัตรูตลอดกาลของเรา มาแต่ไหนแต่ไร เท่าที่ผมจำความได้เกี่ยวกับการชมเกมลูกหนังคือ ทีมที่เรารัก มักจะมีทีมที่เราเกลียดเสมอ และผมก็ได้มารู้ว่า ทีมของเราเกลียดทีมที่คุณก็รู้ว่าใคร เมื่อตอนปี 1996 ผมยังวัยรุ่น ยังไม่ค่อยมีความรู้สักเท่าไหร่ ผมก็ไปนั่งดูเกมแดงเดือดกับเจ้าของบ้าน และหมู่เพื่อนที่ติดตามเกมนี้เช่นเดียวกันกับผม
เจ้าของบ้านถามผมว่า “มึงเชียร์ทีมอะไรวะ?” ผมไม่รอช้า ตอบเต็มปากเต็มคำเลยครับ “แมนฯ ยูฯ ดิน้า”
หมู่คณะที่มานั่งดูหันกลับมาพร้อมส่งสายตาอำมหิตรุนแรงจนทำให้ผมรู้สึกว่าที่นี่ชักไม่ปลอดภัย ตอนนั้นผมรู้ขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณในทันใดว่า “ไอ้ทีมนี้มันคงเป็นคู่อาฆาต กับทีมเราแน่นอน”
ทุกครั้งที่ทีมแข่ง ผมจะต้องทำการสำรวจด้วยสายตาก่อนว่า ใครเชียร์ทีมอะไร? ระหว่าง ยูไนเต็ด หรือว่าคู่แข่ง เพราะกลัวว่าผมอาจจะโดนกระทืบด้วยอัตราความเร็ว 80 รอยเกือก
ว่ากันต่อเกี่ยวกับทีมที่คุณก็รู้ว่าใครครับ คงไม่ต้องพูดมากแล้วกันนะครับ ผมโดนคำถากถางต่างๆ นาๆ หลังเกม The Red Fight ทีมเราแพ้อย่างน่าเสียดายครับ ใช่ว่าทีมเราเล่นไม่ดีนะครับ แต่ไปพลาดตรงคุณพี่น้ำตาลทำเกมเปลี่ยนไปหมด
แล้วแถมสร้างความฮึกเหิมให้พวกพี่แกได้แหกปากร้องเพลงกันมากกว่าเดิมอีกเมื่อไปถล่มถังเบียร์(ช้าง)ไม่ต้องพูดถึงครับ ผมไปเล่นฟุตบอลตอนเย็น โดนอีกแล้วครับ “ปีนี้พี่จะมาคว้าแชมป์”
ถ้าไม่ใช่ทีมของเราได้แชมป์ ผมขออธิษฐานว่าอย่าให้ทีมที่คุณก็รู้ว่าใครได้ไปเลย ผมอยากให้ทีมอื่นได้มากกว่า
แล้วก็มาถึงทีมของเราแล้วครับ พลังการทำเกม และการทำประตูเริ่มแสดงความเฉียบขาดออกมาทีละน้อยๆ
หลังจากการต่อสู้เหมือนสงครามการเมืองระหว่าง ไก่เดือยหัก กับ ทีมของเรา ยืดเยื้อกินเวลานานกว่า 2 ปี
ในที่สุดความสมใจหมายของป๋าแพนด้าก็บรรลุ การมาของศูนย์หน้าเด็กติ๊สต์นาม Dimitar Berbatov มันเป็นเหมือน Jigsaw สำคัญชิ้นหนึ่ง ที่ทำให้ภาพมันดูเป็นศิลปะมากขึ้น เกมการเล่นของทีมดูคลาสสิก และดูละเมียดละไมกว่าเดิม
แต่มันมีปัญหาอย่างหนึ่งเมื่อ ไม่ค่อยมีใครส่งให้เขายิงนี่สิ ……
กองเชียร์ต่างตั้งความหวังว่าเขาต้องยิงเป็นระเบิดปรมาณู แต่เอาเข้าจริง เขายังยิงไม่ได้เลย แต่ก็ไม่น่าเสียใจเท่าไหร่ครับ เขามีส่วนร่วมกับเกมตลอด เป็นคนจ่ายลูกให้คนอื่นได้ดี เดี๋ยวอีกสักพัก เขาคงจะแสดงพลังการยิงให้เราได้ชมกัน ต้องให้เวลาครับ
สิ่งที่ผมมั่นใจว่า เราจะเดินไปสู่เลข 19 ได้ เพราะว่าเรามีเด็กที่ขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ได้ พัฒนาการด้านฝีเท้า การอ่านเกม ภาวะความกดดัน ซึ่งเด็กเราก็มีความสามารถที่ใช้ได้ แต่ถ้าเทียบกับทีม เจ๊ย่นแล้วล่ะก็ คงจะยากซักหน่อย
และอีกอย่างหนึ่งที่ผมมั่นใจสุดๆ คือการที่จะก้าวขึ้นมาของทีมที่คุณก็รู้ว่าใครนั้น คงจะต้องใช้เวลานานพอดู เพราะศักยภาพและมาตรฐานของทีม Big หลายๆ เพราะฉะนั้น ว่ากันง่ายๆ เลยครับ
ฝันไปเถอะพวก!!!!
reaper638
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC